เที่ยวประหยัดนั่งรถไฟไปสงขลา หาดใหญ่ กิมหยง

18:57

หากว่าว่างมากมายในวันหยุดยาวๆเรามีทริปแนะนำให้เพื่อนๆได้เที่ยวกันนะครับ เที่ยวใต้ช่วงที่มีมรสุมไม่เยอะมาก เที่ยวได้สบายใจ การเดินทาง-รถไฟ เส้นทาง หัวลำโพง-หาดใหญ่ ราคาตั๋วชั้น3ประมาณ 300บาท ระยะเวลาเดินทาง 3-4วัน สถานที่ท่องเที่ยวสงขลา ได้แก่ หาดสมิหลา เกาะยอ เกาะหนูเกาะแมว เขาตังกวน สวนสัตว์

สถานที่ท่องเที่ยวหาดใหญ่

สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ เขาคอหงส์ ตลาดกิมหยง ตลาดสันติสุข อื่นๆอีกมากมาย จริงๆแล้วมีมากมายเลยนะครับที่เที่ยวของสงขลา ในอำเภออื่นๆ แต่หากจะให้อธิบายคงจะยาวแน่นอน เราจึงสรุปมาจากด้านบนให้ท่านทราบในเบื้องต้น โดยแยกการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละวันดังนี้

วันที่1 เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ10:00น.

วันที่2 ถึงชานชลาหาดใหญ่ 08:00น.(ใช้เวลาเดินทาง 14-16ชม.)

หาที่พักในหาดใหญ่ใกล้สถานีรถไฟมีมากมาย สามารถเช่าไว้สักสามวันนะ เพราะท่านไม่ต้องขนสำภาระเดินทางเที่ยวมากมายเดินทางไปสงขลาหลังจากได้ที่พักนะครับ เที่ยวแหลมสมิหลา ไปดูรูปปั้นสุนทรภู่ รูปปั้นนางเงือก เดินรับลมชมวิวสวยๆงามจากนั้นเดินทางเที่ยวเขาตังกวน ขึ้นไปชมวิวที่เห็นเมืองสงขลาทั้งเมืองเห็นวิวทะเลที่สวยๆ ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย มีลิฟท์ให้แต่ต้องเสียค่าบริการ หากท่านชอบถ่ายรูปเหมาะมากเลย

พักที่นี่สักคืนก็ได้นะคะโรงแรมคืนละ350มีมากมายให้เลือกมองเห็นวิวทะเลด้วยนะแม้จะราคาไม่แพงแต่หากพักแบบติดทะเลก็หาโรงแรมที่ใกล้รูปปั้นนางเงือกค่ะวิวสวยมากๆ

วันที่3 เที่ยวสวนสัตว์สงขลาทั้งวันเนื่องจากว่าสวนสัตว์เที่ยวได้เยอะพื้นที่กว้าง มีสัตว์ป่ามากมายให้เราได้ตื่นตาเที่ยวกันทั้งวันสนุกดีนะหากไปคนเดียวก็ดีไปอีกแบบแนะนำให้เช่ารถไปนะ เพราะสามารถขัยรถในสวนสัตว์ได้ค่าเข้าก็ไม่ถึงร้อยบาทนะ รวมๆค่ารถแล้วก็ไม่เกิน150คุ้มมาก เมื่อก่อนเราไปที่นี่ 2วันติดเจ้าหน้าที่คิดแค่วันแรกวันที่2เข้าฟรีเลยล่ะค่ะ

วันที่4 เดือนทางกลับมาที่โรงแรมที่หาดใหญ่ เที่ยวซื้อของฝากที่ตลาดกิมหยงใกล้ๆสถานีรถไฟ ของถูกมากครับก่อนขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพมหานคร

ทริปง่ายๆไม่มีอะไรมาก อาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีก็น่าจะเป็นแนวทางให้ทานที่ยังไม่เคยไปสงขลาได้บ้างนะเราหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น

เที่ยวแบบประหยัดลุยๆ เดินท่องป่าผลัดใบเมืองไทย

18:17

เที่ยวแบบลุยๆลุยป่ายามหน้าฝนเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง ในเมืองไทยของเราเราเชื่อว่านักเดินทางท่องไพรคงไม่ชนะเจ้าหน้าที่อุทยานหรือผู้พิทักษ์ป่าอย่างแน่นอน เขาเหล่านั้นเสียสละตัวเองเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ ให้มีแหล่งท่องเที่ยวที่เราชื่นชอนกัน วันนี้เราจึงมาพูดถึงการเดินป่า ท่องไพรกันสักครั้งนึง

เดินป่า ดีอย่างไร สนุกตรงไหน นี่คือสำหรับคนที่ไม่ชอบการท่องเที่ยวแบบนี้บางส่วนที่ผู้เขียนเคยได้ยินแต่เราไม่โต้แย้งเพราะว่าความชอบและความสนุกของแต่ละคนมองแตกต่างกันเรามาพูดในมุมองของเราดีกว่า เดินป่า ท่องเที่ยวตามซอกหิน ปีนหน้าผา ฝ่าดงรกของป่าเขตร้อนของเมืองไทย หน้าฝนดินแฉะก้าวแต่ละก้าวมีความหมายอย่างยิ่ง พลาดนิดเดียวบางจุดนั่นหมายถึงอันตราย ยิ่งเกิดในป่าหากไม่รู้เรื่องการปฐมพยาบาลบ้างแล้วละก็ยากลำบาก

ดังนั้นเรามาดูการเตรียมตัวก่อนเดินป่าเบื้องต้นกันดีกว่า มีเรื่องเล่าที่ไม่ใช่ข้อที่เคยพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มานานแสนนานซึ่งเราจะกล่าวก่อนในขั้นต้น การขออนุญาตเจ้าป่าให้ปกปักษ์รักษาชีวิต อย่าให้มีอุปสรรคมาขวางกั้น อย่าให้สัตว์ร้ายทำอันตราย เป็นความเชื่อที่ไม่สามารถลบหลู่ได้ นี่คือการเตรียมตัวเบื้องต้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจและทำให้จิตใจมีความมุ่งมั่น ไม่ประมาท ต่อมาเตรียมสัมภาระให้พร้อมจะไม่อธิบายนะว่าการเดินทางในป่าต้องเตรียมอะไรบ้างหวังว่านัดเที่ยวฝ่าดงคงรู้กันดีอยู่แล้วแต่สำหรับมือใหม่ก็ลองศึกษาตามหนังสือประสบการณ์ของนักเดินทางที่เล่าไว้เป็นตัวอักษรก็น่าจะดีไม่น้อยหรือซื้อหนังสือคู่มือ ซึ่งจะช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะสถานการณ์ในเวลานั้น ความรู้บางครั้งไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยอยู่ที่จิตใจของเราเป็นสำคัญ

ในป่ามีอะไรมากมายที่เราคาดเดาไม่ได้ ไม่ได้เป็นสิ่งเร้นลับหรอกนะ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตนี่ละที่ต่างก็ป้องกันตัวเอง เมื่อมีผู้บุกรุกมันก็ย่อมต้องรักษาอาณาเขตของมันดังนั้นการเดินทางในป่า เดินอย่างสงบ มีสติ ไม่รบกวนสัตว์ป่าต่างๆและต้องมีสายตาที่ไว และมีประสาทสัมผัสที่ดีด้วย

หากใครที่อยากลองเที่ยวป่าเมืองไทย ไม่ยากเลยท่านสามารถหากลุ่มเพื่อนักเที่ยวที่เดินทางกันอยู่แล้วเป็นประจำ แรกๆก็ไปกับกลุ่มเมื่อชำนาญและรู้เส้นทางแล้วค่อยหาความท้าทายด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ดีการเดินทางเข้าป่าส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตอุทยานท่านต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อนและให้รายละเอียดไว้เพราะจะต้องมารายงานตัวด้วยเวลากลับออกจากป่าเพราะจะได้เช็คได้หากมีการหลงป่าอยู่ในพื้นที่และจะเข้าช่วยเหลือได้ทันนั่นเอง

เที่ยวประหยัดเกาะล้านกับบ้านฟ้าใส

05:46

ดังนั้นเรามาดูการเตรียมตัวก่อนเดินป่าเบื้องต้นกันดีกว่า มีเรื่องเล่าที่ไม่ใช่ข้อที่เคยพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มานานแสนนานซึ่งเราจะกล่าวก่อนในขั้นต้น การขออนุญาตเจ้าป่าให้ปกปักษ์รักษาชีวิต อย่าให้มีอุปสรรคมาขวางกั้น อย่าให้สัตว์ร้ายทำอันตราย เป็นความเชื่อที่ไม่สามารถลบหลู่ได้ นี่คือการเตรียมตัวเบื้องต้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจและทำให้จิตใจมีความมุ่งมั่น ไม่ประมาท ต่อมาเตรียมสัมภาระให้พร้อมจะไม่อธิบายนะว่าการเดินทางในป่าต้องเตรียมอะไรบ้างหวังว่านัดเที่ยวฝ่าดงคงรู้กันดีอยู่แล้วแต่สำหรับมือใหม่ก็ลองศึกษาตามหนังสือประสบการณ์ของนักเดินทางที่เล่าไว้เป็นตัวอักษรก็น่าจะดีไม่น้อยหรือซื้อหนังสือคู่มือ ซึ่งจะช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะสถานการณ์ในเวลานั้น ความรู้บางครั้งไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยอยู่ที่จิตใจของเราเป็นสำคัญ

ในป่ามีอะไรมากมายที่เราคาดเดาไม่ได้ ไม่ได้เป็นสิ่งเร้นลับหรอกนะ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตนี่ละที่ต่างก็ป้องกันตัวเอง เมื่อมีผู้บุกรุกมันก็ย่อมต้องรักษาอาณาเขตของมันดังนั้นการเดินทางในป่า เดินอย่างสงบ มีสติ ไม่รบกวนสัตว์ป่าต่างๆและต้องมีสายตาที่ไว และมีประสาทสัมผัสที่ดีด้วย

หากใครที่อยากลองเที่ยวป่าเมืองไทย ไม่ยากเลยท่านสามารถหากลุ่มเพื่อนักเที่ยวที่เดินทางกันอยู่แล้วเป็นประจำ แรกๆก็ไปกับกลุ่มเมื่อชำนาญและรู้เส้นทางแล้วค่อยหาความท้าทายด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ดีการเดินทางเข้าป่าส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตอุทยานท่านต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อนและให้รายละเอียดไว้เพราะจะต้องมารายงานตัวด้วยเวลากลับออกจากป่าเพราะจะได้เช็คได้หากมีการหลงป่าอยู่ในพื้นที่และจะเข้าช่วยเหลือได้ทันนั่นเอง

เรามาเกาะล้านครั้งนึงแล้ว และครั้งนี้เราก็มาอีก เพราะจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ "บ้านฟ้าใส" ที่พักเกาะล้านที่ชวนให้นักเที่ยวประหยัดอย่างเราตบะแตก เราเดินทางกันมากัน 3 คน ขึ้นเรือจากแหลมบาลีฮายมาลงท่าหน้าบ้าน ถ้าอยากรู้ว่าบ้านฟ้าใสอยู่ที่ไหน สังเกตง่ายๆ ลงจากเรือที่ท่าหน้าบ้าน มองมาทางขวามือ เพราะที่ตั้งอยู่ห่างจากท่าหน้าบ้านไปประมาณ 100 เมตร เราก็จะเห็นบ้านฟ้าใส ที่ไม่ติดหาด แต่อยู่ในทะเลเลยแหละทีเดียว ว้าว…. บ้านริมทะเล เกาะล้านโรแมนติกเหลือเกิน

เราโทรไปจองที่พักบ้านฟ้าใส เกาะล้านกับพี่ภรณ์ตามเบอร์โทร 083 - 7626226 แต่ต้องโทรไปได้แค่จันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00 น.- 14.00 น. วันจันทร์ - ศุกร์ เท่านั้น ส่วนการจองห้องพัก เราต้องโอนเงินจองห้องพัก 100% ภายในหนึ่งวันหลังจากทำการจอง แล้ว fax ใบโอนไปยืนยันเท่านั้นก็เรียบร้อย และเราแจ้งว่าขอจองห้องสีฟ้ามีระเบียง สำคัญที่สุดเราต้องเก็บหลักฐานไว้อย่างดี ตอนเรา Check in ไม่ให้ลืม ไม่ให้พลาด เพราะนานๆที เราจะหนีเที่ยวประหยัดซักหน เพราะบรรยากาศ “บ้านฟ้าใส” เย้ายวนใจเหลือเกิน มันเหมือนได้สัมผัสสวรรค์จริงนะกับบ้านริมทะเลบนเกาะล้าน เพราะเราสามารถนั่งพักผ่อนบริเวณระเบียงด้านหน้า ทานข้าว หรือนั่งรับลมชมวิว ชิวๆ มองไปฟากพัทยา

อยากบอกว่า“บ้านฟ้าใส” ที่พักจะมีอยู่ 4 ห้อง ที่นี้เข้าใจแล้วหรือยังว่าทำไมห้ามพลาด และที่น่ารักสุดๆมีทั้งห้องสีฟ้าและห้องสีชมพู และเรามาทะเลทั้งทีก็ต้องขอพักห้องสีฟ้าเสียหน่อย แต่ละห้องตกแต่งได้น่ารักมากมาย น่าอยู่ทีเดียว บริเวณโดยรอบก็สะอาด ที่นี่มีบริการดีมาก โดยเฉพาะเจ้าของที่พักน่ารักให้บริการเป็นอย่างดีเลย และพวกเราก็เช่ารถที่นี่แหละจองไว้ก่อนเข้าพัก จะได้ไปไหนต่อไหนได้สะดวก เรียกว่ามีพร้อมทุกอย่าง เสียดายที่เรามีวันว่างแค่วันเดียว แค่ได้ขึ้นไปไหว้พระ ชมวิว แวะเล่นน้ำที่หาดตาแหวนแทบหมดวันแล้ว

และที่สำคัญพวกเราแทบไม่อยากกลับเลย อยากนอนเล่นพักผ่อน “บ้านฟ้าใส” นานๆ โดยเฉพาะนั่งรับลมกินอาหารที่ครัวเฉลียงลม เรียกได้ว่าแตกต่างจากฝั่งพัทยาลิบลับบรรยากาศอย่างดีอย่างนี้โรงแรมห้าดาวชิดซ้ายไปเลยแหละ ทำเอา นักเที่ยวประหยัดอย่างเราทุกคนถึงกับเคลิ้มเป็นที่พักในฝันจริงๆ

เที่ยวประหยัดหน้าฝนทั่วไทยกับปิล็อก ทองผาภูมิ

20:49

      หลายคนมองว่าการเที่ยวหน้าฝนที่เต็มไปด้วยความเฉอะแฉะมันจะสนุกอะไร  สู้อยู่กับบ้านสบายๆไม่ดิ้นรนไม่ดีกว่าเหรอ เรื่องแบบนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ใครคิดได้ไม่ว่ากัน  แต่สำหรับขาชีพจรลงเท้าจะต้องมีอะไรบางอย่างให้ต้องออกจากบ้านเดินทางไปไหนต่อไหน ไม่ว่าจะลำบากลำบนแค่ไหน ไม่กลัวฟ้ากลัวฝน ทำตัวเป็นนักเที่ยวประหยัดสู้แดดสู้ลมอย่างสนุกสนาน ก็เพราะบ้านเรา..ประเทศไทย..Land of smiles มีธรรมชาติที่มีเสน่ห์อยู่มากมายรอการไปเยี่ยมเยือน ไปพักผ่อนเปิดตาเปิดใจไปเติมไฟและพลังแห่งชีวิต นักเที่ยวประหยัดขาลุยก็จะมองหาทุ่งหญ้าเขียวๆ มีดอกไม้สะพรั่ง ใครชอบดูนกส่องนกก็ดูไป แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่หลายคนชอบถามคือ ถ้าหน้าฝนมาเยือนเราจะเที่ยวที่ไหน พักที่ไหนบ้างที่มันประหยัดไม่แพง ปลอดภัย และเราได้ความอิ่มเอมใจกลับบ้านไป


และครั้งนึงเราเคยไปที่นี่ “ปิล๊อก ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี”  เกิดมาก็เพิ่งผจญภัยแบบนี้ เพราะจากกรุงเทพฯ - จุดชมทิวทัศน์ทางขึ้นเหมืองปิล๊อก ระยะทางประมาณ 323 กิโลเมตร พวกคุณไม่ได้อ่านผิด มันไกลขนาดนั้นจริงๆ แต่ถ้าที่นี่ไม่มีเสน่ห์จริงๆ พวกเราก็ไม่ดิ้นรนกันไปให้เมื่อยตุ้มหรอก  แต่สำหรับใครไม่มีรถไป  เราแนะนำว่าคุณไปยังไงก็ได้ให้ถึงสถานีขนส่งเมืองกาญจนบุรี เพราะจะมีรถทองผาภูมิ-สังขละ วิ่งทุกๆ 40 นาที เวลา 6.00-18.20 น. สำหรับเที่ยวตามแหล่ง ท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอทองผาภูมิ และที่ตลาดอำเภอทองผาภูมิจะมีบริการรถโดยสารไปปิล็อก มีบริการเช่าเหมาด้วยนะ
จุดชมทิวทัศน์นี้เลยจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไป 9  กิโลเมตร  ใครจะไปหาอาหารและน้ำดื่มกินที่นี่  โปรดอ่านและทราบตรงนี้เลยว่า มันไม่มีขาย ฉะนั้นซื้อไปตั้งแต่อยู่ที่ทำการอุทยาน เพราะเรารู้ซึ้งทันทีที่จะเห็นพี่ชายนักเที่ยวประหยัดคนเก่งต้องวกรถเก๋งกลับมาอีกรอบเพื่อมาซื้อเสบียง พวกเรายกโขยงไปกัน 3 คืน 2 วัน มาแบบนี้ก็ต้องกางเต็นท์นอน เพราะมีลานกางเต็นท์อยู่บริเวณลานจอดรถ ห้องน้ำห้องท่าก็มีไว้พร้อม แค่นี้มันก็โอเคมากพอแล้วสำหรับการลุยเที่ยวหน้าฝนเบาๆ โชคดีที่เราไปมีแดดออก แต่ถ้าอากาศแย่มากกว่านี้เราคงจะไม่ดันทุรังกางเต้นท์ เพราะมีหวังลมพายุหอบไปแน่ๆ รายละเอียดต่างๆก็ถามเอาได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 71180 
และทันทีที่เราตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นตาตื่นใจ เราพบว่า....ชีวิตนี้เรายังมีความสุขเหลืออยู่มากมายในการทำงานเพื่อวันต่อๆไป  ถ้าไม่เชื่อ...ลองไปดูสิ  

เที่ยววันเดียวประหยัดหน้าฝนใกล้ๆกรุงเทพ

20:35
หน้าฝนแบบนี้ถ้าอยากเที่ยวประหยัด ไม่อยากไปไกลๆ และไม่คิดอะไรมาก  เราจะมีสถานที่มากมายไม่ไกลจากกรุงเทพให้เลือกตั้งเยอะแยะ ขึ้นอยู่แล้วว่า ณ ตอนนั้นเรามีอารมณ์อยากเที่ยวประหยัดแบบไหน  เพราะเราหัวหกก้นขวิดมาทั่วสารทิศอยู่แล้ว  วันนี้เลยครึ้มอกครึ้มใจเอากระเป๋าคล้อง แล้วเดินตัวปลิวออกจากบ้าน แต่ไม่ลืมนับสตางค์ในกระเป๋าว่ามีอยู่เท่าไหร่  นี่คือเรื่องสำคัญที่เรานักชาวนักเที่ยวแบบประหยัดต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง  เป็นเรื่องที่เราต้องย้ำกับตัวเองบ่อยๆ เพราะเงินทองสมัยนี้ไม่ได้หาเสกกันมาง่ายๆ
บางทีการเที่ยวอย่างมีความสุขก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรไปเยอะนัก มันสำคัญที่จิตใจว่าเราออกเที่ยวเพื่ออะไร ไปพักผ่อนเพื่อชาร์จแบตเติมแรงให้กับชีวิต เพื่อต่อสู้ภารกิจต่อไปในอนาคต หรือเที่ยวเพื่อหาสังคม เพื่อใช้เงินที่หามาได้  เพราะเราเห็นมักเพื่อนร่วมก๊วนหลายคนพูดให้ฟังว่า มีเงินก็ใช้ๆไปเถอะ  เที่ยวให้ชุ่มปอดดีกว่าตายแล้วไม่ได้เที่ยว  เอออันนั้นแก แต่ไม่ใช้ชั้น จึงมีอยู่หลายครั้งหลายหนที่เรามักเที่ยวเดี่ยวอยู่เสมอ  แต่รู้ไหมว่ามันสนุกมากจริงๆนะ
เหมือนครั้งนี้ที่เราคิดว่าการเที่ยวประหยัดใกล้ๆกรุงเทพ มีเงินไม่ถึง 300 บาทจะเที่ยวได้ไหม  และมันก็เที่ยวได้จริง  เพราะวันนี้นึกอยากไปตลาดท่านาขึ้นมา  โปรแกรม กรุงเทพ-ศาลายา-ตลาดท่านา-สนามจันทร์จึงเกิดขึ้น   เราตั้งต้นขึ้นรถปอสีส้มสาย 515 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรือ ใครจะมาขึ้นแถวหน้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้าก็ได้ พอผ่านหน้าม.มหิดล แล้วรถจะเลี้ยวซ้ายก็เจอตลาดศาลายาแล้วเราก็ลงทันที  แล้วเราก็ต่อสองแถวอยู่ตรงข้ามตลาดศาลายาไปยังตลาดท่านา   
  
ระหว่างทางที่สองแถวแล่นผ่านไปมีทุ่งนาให้ชมข้างทาง  เฮ้ยบรรยากาศดูดีมาก  ถ้าไม่มองว่ารถสองแถวขับแบบหวานเย็นและร้อนไปสักนิด  ทุ่งนาเขียวๆแบบนี้มันชื่นตาชื่นใจดีนะลองดูสิ
นั่งไปครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วตลาดท่านา หรือ ตลาดนครชัยศรีนั่นเอง  

ตลาดท่านาเป็นตลาดโบราณย่านชุมชนริมน้ำที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม อาคารร้านตลาดสร้างด้วยไม้   อยู่ริมน้ำแม่น้ำท่าจีน   มีอาหารปลาขายสำหรับให้ปลาด้วย คำนวณตังค์ในกระเป๋านักเที่ยวประหยัดแล้ว  ค่ารถขากลับ  อาหาร ขนมสำหรับคนกิน  ยังพอเหลือสำหรับปลาบ้าง  เพียงเท่านี้เราก็เที่ยวใกล้ๆกรุงเทพวันเดียวอย่างมีความสุขแล้ว

เที่ยวประหยัด ณ เกาะสีชัง

03:27


สถานที่ท่องเที่ยวที่พวกเรานักท่องเที่ยวมักแวะเวียนกันไป  ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถไปเช้ากลับเย็นได้ และเป็นเกาะที่มีบรรยากาศท้องถิ่นของชาวประมงได้อย่างครบครัน  เราถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวันที่พวกเราหาแหล่งเที่ยวประหยัดจึงมีชื่อเกาะสีชังติดอยู่ในรายชื่อที่ถูกนำเสนอขึ้นมาตลอดเวลา   และเมื่อวันเดินทางมาถึงจึงรู้ว่าคนไปเกาะสีชังเยอะมาก ถือว่าที่เที่ยวประหยัดยอดฮิตของประเทศไทยก็ว่าได้
เราออกจากบ้านกันแต่เช้าตั้งแต่ตี 5 เลยละครับ เพื่อให้ทันเรือรอบแรกตอน 7.00 น คณะเราใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์(ทางหลวงหมายเลข 7) พอออกจากมอเตอร์เวย์ตรงที่ป้ายชี้ว่าบางแสน แล้วเข้าถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปทางพัทยา จะเห็นป้ายเลี้ยวขวาไปเกาะลอย ให้เลี้ยวเข้าไปหาที่จอด ซึ่งมีรถจอดเยอะมาก แล้วเราก็ซื้อตั๋วเรือคนละ 40 บาทเพื่อข้ามมาเกาะสีชัง  เป็นค่าตั๋วที่ไม่แพงเลยทีเดียว  จากเกาะลอยมาถึงเกาะสีชังใช้เวลาประมาณ 45 นาที และ เรือจะแวะส่งคนที่เกาะมะขามใหญ่สักประเดี๋ยวแล้วค่อยมุ่งหน้ามาส่งนักท่องเที่ยวที่ท่าเรือเทวววงศ์ ซึ่งอยู่ฝากตะวันออกของเกาะ  หมายความว่าอย่างไรหรือ ก็หมายความว่าเราต้องจ้างรถแถวท่าเรือนั้นเดินทางกันอีก มีทั้งรถสกายแล็บพาเที่ยว ถ้าชั่วโมงๆละ 30 บาท ถ้าเหมาวันๆละ 250 บาท และถ้าค้างคืนราคา 300 บาทแถมหาที่พักให้ด้วย  โปรโมชั่นสุดท้ายต้องตาต้องใจพวกเรามากเพราะมาคราวนี้เรามีเวลาอยู่หลายวัน  และจะอยู่ค้างคืนที่นี่ เราเลยส่งสาวน้อยต่อรองเหมาพาเที่ยว  พร้อมหาที่พักไปในตัว   แม้ว่าที่เกาะสีชังนี้จะมีรีสอร์ทมากมายสวยๆดีๆราคาหลากหลายก็ตาม แต่เราก็ยังเน้นเที่ยวประหยัดเพื่อรักษาเงินค่าครองชีพที่มีอยู่เหมือนเดิม   เราตระเวนหาจนมาเจอที่พัก “เกาะสีชัง ริมทะเลรีสอร์ท” ราคาก็ยังโอเคอยู่ แต่มันน่ารักดีนะ”  นั่นคือคำตัดสินสุดท้ายที่ให้เราปักหลักที่นี่
แต่อยากบอกว่าเพราะที่พักนี้ไม่ไกลพระราชวังจุฑาธุชราชฐาน ที่เราเดินเรื่อยๆเข้าไปเที่ยวชมวัง โบราณสถานสะพานอัษฎางค์ ที่สวยงาม และ สักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5ได้ด้วยต่างหาก  ทำให้เรามีเวลาใช้วันที่เหลือไปช่องเขาขาด  ไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ และมณฑปรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่   และเหลือเวลากินลมชมทะเลเที่ยวประหยัดบนเกาะสีชัง อ่านหนังสือเพลินๆสบายใจพักผ่อนเต็มที่  เก็บแรงไว้มาสู้รบปรบมือกับงานมากมายในกรุงเทพต่อไป

เตรียมตัวเที่ยวหน้าฝน

02:27
เตรียมตัวเที่ยวหน้าฝน

และแล้วเราก็เข้าหน้าฝน  สภาพอากาศแบบนี้เที่ยวทะเลทางใต้ก็ต้องระวังคลื่นลมมรสุม แถมไปไหนมาไหนก็มีแต่น้ำเฉอะแฉะ   แต่สำหรับบางคนเที่ยวหน้าฝนมันคือเสน่ห์อย่างหนึ่ง  และการเตรียมพร้อมที่ดีก็ทำให้มีการท่องเที่ยวสภาพแบบนี้มีปลอดภัยมากขึ้น  เรามาลองดูซิว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
1.ศึกษาพื้นที่เส้นทางที่พัก และ ข้อห้ามต่างๆ ที่เราจะท่องเที่ยว  ต้องอ่านเตรียมข้อมูลให้ละเอียดยิบ และสถานที่ให้ความช่วยเหลือเราได้  โปรดท่องจำให้ขึ้นใจ  หรือบางทีถ้าจะพกข้อมูลและแผนที่ติดตัวไปด้วย ก็ทำให้อุ่นใจดี  เพราะเราไม่รู้ว่าการเดินทางแบบนี้อะไรจะเกิดขึ้นภายภาคหน้า  ดังนั้นเวลาเกิดอะไรฉุกเฉิน เช่น หลงป่า ประสบอุบัติเหตุ หรือ เจอภัยธรรมชาติ  เราจะได้เอาตัวเองรอดได้
2.จำไว้ว่าการท่องเที่ยวหน้าฝน  สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบสภาพอากาศ และฟังข่าวให้มากๆ ว่ามีฝนตกมาก ฝนตกน้อย พายุเข้า  น้ำป่าไหลหลาก  ถ้ารู้ล่วงหน้าก็งดไปก่อน  ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชีวิต 

3.การหอบสัมภาระไปเที่ยวหน้าฝน  อย่าอุตริแบกไปเหมือนย้ายบ้าน  เอาเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปเท่านั้นก็พอ จะได้ไม่เป็นภาระ เพราะสภาพพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำ เฉอะแฉะ พื้นดินลื่น มีโคลน  อาจทำให้การท่องเที่ยวหน้าฝน ไม่ถึงเป้าหมายปลายทาง  อาจลื่นหกล้มหัวแตกตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเดินทางไปไหนด้วยซ้ำ
4.การเที่ยวหน้าฝนไม่เหมาะกับคนป่วย   เพราะฉะนั้นเตรียมตัวให้แข็งแรงเสมอ  เตรียมหยูกยาประจำตัวตัวไว้เพื่อใช้ในยามจำเป็น  อย่าคาดหวังไปขอยืมแบ่งปันยาจากเพื่อนร่วมทาง  เพราะยาของเขาอาจจำเป็นสำหรับเขา  ถ้าเขาให้เราแล้ว  ชีวิตเขาก็อาจจะไม่ปลอดภัย

การเที่ยวหน้าฝนให้สนุก ไม่ใช่อยู่ที่ธรรมชาติที่เราจะไป
แต่อยู่ที่ว่าเราเตรียมตัวเองให้สอดคล้องกับธรรมชาติอย่างไรมากกว่า